20070107

Blog-Tag

Blog-Tag คืออะไร

เชื่อว่าหลายท่านคงรู้จักการละเล่นของ blogger อันนี้อยู่แล้วล่ะ ก็แพร่กระจายเร็วยิ่งกว่าข่าวลือปฏิวัติซ้ำปฏิวัติซ้อนอะไรนั่นอีก แต่จะขออธิบายอีกรอบก็แล้วกัน

Blog-Tag คือกิจกรรมอะไรสักอย่างที่คน ๆ หนึ่งเล่าเรื่องของตัวเอง 5 เรื่อง แล้วก็ส่งต่อให้คนอื่น ๆ ต่อไปอีก 5 คน ทีนี้ เหยื่อที่โดน tag มา (เอ่อ การส่งต่อนั่นล่ะเรียกว่า tag) ก็เล่าเรื่องของตัวเอง 5 เรื่องแล้วก็ tag ต่อไปอีก 5 คน เรื่อย ๆ เรื่อย ๆ เรื่อย ๆ ... .

ชาวบล๊อกทั้งหลายที่เป็นเซียนหุ้น เซียนโปรแกรมมิ่ง เซียนหนังอยู่ดี ๆ จะมาเขียนอะไรอย่างนี้ก็หลุดคอนเซปต์แย่สิ นั่นแหละ เขาต้องการอย่างนั้นแหละ เผยแง่มุมของคุณที่คนอื่นไม่เคยรู้ จะได้รู้จักกันมากขึ้นไง สังคมอินเตอร์เน็ตจะได้หลุดพ้นจากสภาวะ "คุยกับใครก็ไม่รู้" "นี่คือโลกเมทริกซ์ของฉัน" "กูจะเกรียนซะอย่าง มึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก สาดดดดด..." สักหน่อย


ผมรู้จักไอ้เจ้า Blog-Tag นี่พร้อมกับตอนที่บล๊อกอันนี้ถือกำเนิดแหละครับ ผ่านไปแว้บเดียวไม่ถึงวัน ก็ตกเป็นเหยื่อของมันจนได้ อันนี้ต้องขอบคุณปาล์มแห่ง f0nt.com แฮะ


เอ้า ร่วมด้วยช่วยกัน


1. ชื่ออุ้ย มาจากแม่ที่ตั้งให้ล่วงหน้าตั้งแต่อายุ 2-3 เดือนหลังปฏิสนธิ (เจ๊เห่อลูกมากมั้ยล่ะ) ด้วยความที่อยากได้ลูกสาวก็เลยตั้งชื่อตามสาวสวยแถวบ้านในสมัยนั้น... ผลออกมาก็อย่างที่เห็นกันน่ะนะ

ด้วยความผิดหวังที่ว่าที่ลูกสาวคนแรกดันมีแท่งออกมา ผลกรรมก็เลยตกไปที่น้อง เจ๊ตั้งชื่อล่วงหน้าอีกแล้วครับท่าน คราวนี้ชื่อปุ๊ เอามาจากดาราสาวหรือนักร้องสาว จำไม่ได้ ลูกสาวคนที่สองดันมีแท่งออกมาออกมาอีก... ซะงั้น

ตกลงลูกชายบ้านนี้มีชื่อหญิงทั้งบ้านครับ


2. เลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่พระจอมเกล้าฯ ลาดกระบังเพราะอยากอยู่หอ เหตุผลเดียวเลยจริง ๆ

คือตอนม.ปลายนั่นยังเป็น "เด็กวัยรุ่น" อยู่น่ะครับ แต่ในสายตาพ่อแม่เราคือ "เด๊กกกกก... เด็ก" จะขยับไปไหนทีก็คุมแจเหมือนยังอยู่ป.3 เป็นอย่างนี้ตลอดชีวิตมัธยม เรื่องการออกไปอยู่ด้วยตนเองก็เลยเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากต่อการเลือกที่เรียนระดับอุดมศึกษา

เอาเข้าจริงแล้วกลายเป็นว่าเราโดนคุมมากกว่าเดิม ไม่ใช่จากทางบ้านนะ จากตัวเราเองต่างหาก ต้องหาทางทำงานหาเงินมาจ่ายค่าหอ ค่าไอ้นู่นไอ้นั่นไอ้นี่ อะไรก็ตามที่เพิ่มขึ้นมาจากค่าเทอมและค่าขนมอัตราเท่ากับตอนอยู่ที่บ้าน เพราะเราคิดว่า "โตแล้ว" ที่บ้านก็เลี้ยงแบบ "มันโตแล้ว" สรุปก็เลยได้โตขึ้นสมใจ


3. เพิ่งรู้จัก Lomography และกำลังตกหลุมรักกันอยู่แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจกันเสียเท่าไร หวังว่าจะได้พัฒนาระดับความสัมพันธ์กันไปเรื่อย ๆ ไว้สักวันหนึ่งที่สะสมผลงานมากพอ จะเอามาอวดให้ดูชมกันครับ


4. ไม่เคยมีแฟน ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีเลยครับแฟนเฟินเนี่ย อาจจะเคยมีคนที่บังเอิญผ่านมาแต่สุดท้ายแล้วเราก็ได้เรียนรู้ว่า "ยังไม่ใช่"

เราคงไม่เรียกคนที่หลงมาชั่วครั้งชั่วคราวว่าแฟนหรอกเนอะ

บางคนบอกว่า ไม่ต้องหาคนที่ดีที่สุด แค่หาคนที่ใช่ที่สุดก็พอ ใครต่อใครอาจหวังจะเจอคนที่ใช่เข้าสักวัน

...แต่ผมไม่หวังอะไรอย่างนั้นหรอก


5. ฟ0นต์ฟ0รั่ม มิตรภาพบนอินเทอร์เน็ตมีตัวตน ที่นี่ทำให้เห็นเป็นรูปธรรม สัมผัสได้ เข้าถึงง่าย ต้องยกความดีให้ไอ้แอนนนนนล่ะ



เอาล่ะจะส่งไม้ต่อให้ใครดี...

ได้รายชื่อเหยื่อละ

1. น้องไอซ์ ไม่รอดแล้วล่ะเอ็ง
2. น้องเอ๋จ๋วย น้องสาวร่วมคณะวิศวะ ลาดกระบัง
3. ป๋าเลย์ ไม่รู้โดน tag ไปยัง เห็นยังไม่เขียน ถ้าซ้ำก็ขออภัยนะครับ
4. คุณ Pat แอบเข้าไปอ่านก็หลายที ไม่เคยทิ้งคอมเมนต์ไว้สักที อยู่ ๆ ก็ขอ tag ซะยังงั้น
5. เจ๊แตน เกิดวันเดียวกัน แต่ห่างกัน 1 ปี (ว้าย แก่จัง)

Bésame Mucho


Bésame Mucho


Bésame, bésame mucho
como si fuera esta noche
la última vez.

Bésame, bésame mucho
que tengo miedo a perderte,
perderte después.

Quiero mirarme en tus ojos,
sentirte muy cerca,
muy cerca de mí.
Piensa que tal vez
mañana ya
estaré muy lejos de tí.


Kiss Me A Lot

Kiss me, kiss me a lot,
As if tonight was
the last time.

Kiss me, kiss me a lot,
Because I fear to lose you,
To lose you again.

I want to have you very close
To see myself in your eyes,
To see you next to me,
Think that perhaps tomorrow
I already will be far,
very far from you.


จูบฉันสิ

จูบฉันสิ จูบฉันให้ดูดดื่ม
ราวกับคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย
ของสองเรา

จูบฉันสิ จูบอีกอีก
เพราะฉันกลัวจะเสียเธอไป
อีกครั้งหนึ่ง

อยากอยู่ใกล้ชิดเธอ
ส่องดูเงาของฉันในดวงตาเธอ
คืนนี้อยากมีเธอเคียงข้างเสมอ
เพราะพรุ่งนี้ฉันอาจต้องไป
ไกลแสนไกล
ไกลจากเธอ






Bésame Mucho โคตรเพราะเลยครับเพลงนี้ ผมฟังเวอร์ชั่นที่เจ๊ Lisa Ono ถ่ายทอดเอาไว้แล้วถึงกับอยู่เฉยไม่ได้ ต้องไปหาคำแปลโดยด่วน ได้คำแปลเป็นภาษาอังกฤษมาอย่างไม่เป็นทางการตามที่โพสต์ไว้ข้างบนนั่นแหละครับ จะค้นคำแปลภาษาไทยดันไม่เจอแฮะ สงสัยสมาคมนักโรแมนติกแห่งประเทศไทยยังสืบเสาะไม่เจอเพลงนี้ (ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะสมัยก่อนเพลงนี้ ดังมากส์!) เลยสร้างอารมณ์น้ำเน่าแปลให้ซะหน่อย ออกมาก็เน่าพอใช้ได้ เหอะ ๆ


มารู้จักที่มาของเพลงกันหน่อยไหม Bésame Mucho เป็นผลงานของนักแต่งเพลงสาวน้อย (ในตอนนั้นนะ) ชาวเม็กซิกันชื่อ Consuelo Velázquez ตอนที่เธอแต่งเพลงนี้ยังอายุแค่ 16 เองแน่ะ พอเพลงนี้ออกมาปุ๊บ ก็ดังปั้บ แค่ในประเทศของตัวเองไม่พอ เสียง "ปั๊บ" ของเพลงนี้ยังดังข้ามน้ำข้ามทะเลไปทั่วโลก และค้างเติ่งติดหูมาจนถึงทุกวันนี้


กลับไปดูตอนท้ายของย่อหน้าแรก จากที่บอกไปว่าสมัยก่อนเพลงนี้ดังมากส์! ถูกเพียงครึ่งเดียวครับ เพราะลองไปค้นดูแล้ว มีศิลปินตั้งหลายคนหลายแนวแถมทุกยุคทุกสมัยที่หยิบเพลงนี้มาหากินกัน ถ้าอยากรู้ว่าใครบ้างก็ลองไปค้นสารานุกรมดู


มีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับคนแต่งเพลงเรื่องหนึ่งมาเล่าให้ฟัง เขาว่าตอนที่แต่งเพลงนี้ คุณ
Velázquez ยังเป็นสาวน้อยที่ริมฝีปากไม่เคยแตะต้องกับริมฝีปากชายใดเลย หมายความว่า เนื้อหาที่ออกมาหวานซึ้งขนาดนี้มาจากจินตนาการของเธอล้วน ๆ โอ้วว์ ช่างไอเดียบรรเจิดจริง ๆ ถ้าเป็นผู้ใหญ่หัวเก่าสักหน่อยคงจะว่ายัยนี่เป็นเด็กลามกแก่แดด จินตนาการได้เป็นฉาก ๆ ขนาดนั้น


อยากให้ลองไปหาฟังกันดูครับ ที่จริงคงเคยฟังกันบ้างแหละ แต่ไม่รู้จักชื่อเพลง


ป.ล. ไม่ลงลิงก์แจกเพลงสด ๆ นะครับ เราไม่สนับสนุนการแจกเพลงอย่างผิดกฎหมายในที่แจ้ง ถ้าอยู่ในที่ลับค่อยว่ากัน หึ ๆ

Hello World

Hello World,


This is my first entry on Blogger.com. See you again very soon.


So long.